1. แนวโน้มราคา:
- ราคาทองคำปิดสถิติชนะสามวันในวันพุธ เนื่องจาก USD ฟื้นตัวเล็กน้อย
- เจ้าหน้าที่ Fed แสดงความเห็นแบบประหม่าและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้ความคาดหวังที่ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนลดลง
2. ปัจจัยที่มีอิทธิพล:
- US Dollar: ราคา USD เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อราคาทองคำในสกุลเงิน USD
- ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: สามารถเพิ่มสินทรัพย์ปลอดภัยให้กับทองคำได้
- ความต้องการจากธนาคารกลาง: ยังคงรวมราคาทองคำที่สูงขึ้น
3. ความคิดเห็นของเฟด:
- ความคิดเห็นที่หยาบคายของเฟดสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
- การชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจสร้างแรงกดดันต่อการขายทองคำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเพิ่มต้นทุนเสียโอกาสของทองคำ
4. สถานการณ์ทางการเมือง ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอิสราเอล:
- นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศความต่อเนื่องของการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส
- ความตึงเครียดนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำเนื่องจากมีลักษณะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
1. แนวโน้มระยะยาว:
- ราคาทองคำยังคงยืนเหนือเส้น EMA 34 วันในกราฟ 1 วัน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว
2. ตัวบ่งชี้ RSI:
- RSI 14 วันอยู่ที่ประมาณค่าเฉลี่ย 50 ซึ่งบ่งบอกถึงการแข็งตัวหรือความสับสนในปัจจุบัน
3. เป้าหมายการเพิ่มราคา
ย้อนกลับไปที่ระดับ 2325- 2305 เพื่อกลับตัวแนวโน้มขาขึ้น
แนวต้านที่ 2,370 ทำให้ราคาทองคำไม่พุ่งขึ้นในระยะสั้น
สรุป
ราคาทองคำกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของ USD และความคิดเห็นที่ไม่ค่อยดีนักจากเฟด อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการจากธนาคารกลางอาจยังคงสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว ผู้ค้าจำเป็นต้องติดตามเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญเพื่อกำหนดทิศทางต่อไปของราคาทองคำ